วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2563
วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2563
พันธะ
พันธะโลหะ (metallic bonds)
เป็นพันธะซึ่งเกิดขึ้นกับอะตอมของธาตุที่เป็นโลหะ เกิดขึ้นเมื่ออะตอมของโลหะแบ่งกันใช้อิเล็กตรอนวงนอกสุดของอะตอม โดยที่อิเล็กตรอนที่แบ่งกันใช้นี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอะตอมใดอะตอมหนึ่งโดยสมบูรณ์ และนั่นทำให้มีการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนอยู่ตลอดเวลา ทุก ๆ อะตอมของโลหะจึงอยู่ใกล้กับอะตอมอื่นยาวไปอย่างไม่สิ้นสุด และนั่นทำให้ธาตุโลหะไม่มีสูตรโมเลกุล
- เกิดจาก โลหะ+โลหะ มีค่า IE ต่ำ
- มีอิเล็กตรอนอิสระเครื่อนที่รอบๆมีแรงยึดสูง
สมบัติของโลหะ
- นำไฟฟ้าได้, นำความร้อนได้ดี
- จุดเดือด, จุดหลอมเหลวสูง
- มีความเหนียว ตีแผ่ได้โดยไม่เปราะแตก
พันธะไอออนิก (Ionic Bond)
เป็นพันธะที่เกิดขึ้นระหว่างอะตอมซึ่งมีประจุตรงข้ามกัน และดึงดูดเข้าหากันจากการเคลื่อนย้ายอิเล็กตรอนหนึ่งตัวหรือมากกว่า จำนวนอิเล็กตรอนซึ่งอยู่วงนอกสุดของอะตอมหนึ่งไปอยู่ร่วมกับกลุ่มอิเล็กตรอนวงนอกสุดของอีกหนึ่งอะตอม เพื่อให้จำนวนอิเล็กตรอนวงนอกสุดของทั้งสองอะตอมครบออกเตต (Octet)
- เกิดจาก โลหะ+อโลหะ ยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงทางไฟฟ้า
- จับตัวเป็นโครงร่างผลึก
- EN ต่างกันมาก ไอออนิกมาก ,ENต่างกันน้อยไอออนิกน้อย(โลหะENต่ำ อโลหะENสูง)
สมบัติของไอออนิก
- จุดเดือดจุดหลอมเหลวสูงแต่ต่ำกว่าโลหะ
- แตกตัวเป็นไอออนเมื่อละลายน้ำ
- เมื่อหลอมเหลวหรือละลายน้ำจะนำไฟฟ้าได้
พันธะโคเวเลนต์ (Covalent Bond)
เป็นการใช้อิเล็กตรอนร่วมกันของอะตอมคู่หนึ่ง ซึ่งอะตอมคู่นี้เป็นอะตอมของธาตุอโลหะ คุณสมบัติของอะตอมธาตุอโลหะคือ มีค่าพลังงานไอออไนเซชั่น (Ionization) สูง กล่าวคือ ความสามารถในการยึดเหนี่ยวอิเล็กตรอนเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้อะตอมอื่นเอาไปใช้ได้ จึงทำให้อะตอมที่มาจับเข้าคู่กันจำเป็นต้องแบ่งปันอิเล็กตรอนกันโดยไม่มีอะตอมไหนสูญเสียอิเล็กตรอนออกไป โดยหลักแล้วคือ การแบ่งปันโดยยอมให้อะตอมอื่นใช้อิเล็กตรอนได้จำนวนเท่า ๆ กันกับที่ดึงดูดอิเล็กตรอนจากอะตอมอื่น นั่นก็เพื่อให้อิเล็กตรอนวงนอกสุดของอะตอมครบจำนวนตามกฎออกเตต
- การเกิด อโลหะ+อโลหะ
- ชนิดของพันธะแบ่งได้ 2 แบบ คือ
1. แบ่งตามจำนวนพันธะ พันธะเดี่ยว พันธะคู่และพันธะสาม
2. แบ่งตามแรงยึดเหนี่ยว
- ภายนอก H-Bond, แวนเดอร์วาลส์(Dipole-Dipole, แรงลอนดอน)
- ภายใน ทำให้เกิดปฎิกิริยา
- ความยาว พันธะเดี่ยว > พันธะคู่ > พันธะสาม
- พลังงานพันธะ พันธะเดี่ยว < พันธะคู่ < พันธะสาม
-สภาพขั้วแบ่งได้ 2 แบบ คือ
1. ขั้วพันธะ ไม่มีขั้ว EN เท่ากัน, มีขั้ว EN ไม่เท่ากัน
2. ขั้วโมเลกุล ถ้าหักล้างกันหมดไม่มีขั้ว O ≤ C ≥ O
วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2563
ตารางธาตุ
เริ่มต้นจาก จอห์น นิวแลนด์ส ได้พยายามเรียงธาตุตามมวลอะตอม แต่เขากลับทำให้ธาตุที่มีสมบัติต่างกันมาอยู่ในหมู่เดียวกันนักเคมี ส่วนมากจึงไม่ยอมรับตารางธาตุของนิวแลนด์ส ต่อมา ดมีตรี เมนเดเลเยฟ จึงได้พัฒนาโดยพยายามเรียงให้ธาตุที่มีสมบัติเหมือนกันอยู่ในหมู่เดียวกัน และเว้นช่องว่างไว้สำหรับธาตุที่ยังไม่ค้นพบ พร้อมกันนั้นเขายังได้ทำนายสมบัติของธาตุใหม่ไว้ด้วย โดยใช้คำว่า เอคา (Eka) นำหน้าชื่อธาตุที่อยู่ด้านบนของธาตุที่ยังว่างอยู่นั้น เช่น เอคา-อะลูมิเนียม (ต่อมาคือธาตุแกลเลียม) เอคา-ซิลิคอน (ต่อมาคือธาตุเจอร์เมเนียม) แต่นักเคมีบางคนในยุคนั้นยังไม่แน่ใจ เนื่องจากว่าเขาได้สลับที่ธาตุบางธาตุโดยเอาธาตุที่มีมวลอะตอมมากกว่ามาไว้หน้าธาตุที่มีมวลอะตอมน้อยกว่า ดมีตรีได้อธิบายว่า เขาต้องการให้ธาตุที่มีสมบัติเดียวกันอยู่ในหมู่เดียวกัน เมื่อดมีตรีสามารถทำนายสมบัติของธาตุได้อย่างแม่นยำ และตารางธาตุของเขาไม่มีข้อน่าสงสัย ตารางธาตุของดมีตรีก็ได้รับความนิยมจากนักเคมีในสมัยนั้นจนถึงยุคปัจจุบัน
-
พันธะโลหะ (metallic bonds) เป็นพันธะซึ่งเกิดขึ้นกับอะตอมของธาตุที่เป็นโลหะ เกิดขึ้นเมื่ออะตอมของโลหะแบ่งกันใช้อิเล็กตรอนวงนอก...